หมู่บ้านเงียบสงบกับผีปอบลึกลับ

 หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาลึก มีชื่อว่า "บ้านเงียบสงบ" ไม่ค่อยมีผู้คนภายนอกเข้ามาเยือน หมู่บ้านนี้มีเพียงครอบครัวไม่กี่ครอบครัวที่อาศัยอยู่ด้วยกันมานานหลายชั่วอายุคน พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย มีการแบ่งปันผลผลิตทางการเกษตรและความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน ทว่าเบื้องหลังความสงบสุขนี้ มีเรื่องเล่าลึกลับที่คนในหมู่บ้านไม่กล้าเปิดเผย

เรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับ ผีปอบ ซึ่งถูกกล่าวขานว่าอาศัยอยู่ในเงามืดของหมู่บ้านมานานหลายปี ผีปอบเป็นผีที่น่ากลัว มันเป็นผีที่มีความกระหายเลือดเนื้อ มันสามารถสิงสู่ร่างของคนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วค่อยๆ ดูดพลังชีวิตออกไป คนที่ถูกมันสิงมักจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่างไม่ธรรมชาติ แต่สิ่งที่น่าขนลุกที่สุดคือ ไม่มีใครรู้เลยว่ามันสิงอยู่ในตัวใคร

หนึ่งคืน เดือนมืด ท่ามกลางความเงียบของหมู่บ้าน กลุ่มคนบางคนเริ่มสังเกตว่า ช่วงหลังๆ มานี้ คนในหมู่บ้านบางคนเริ่มมีอาการซูบผอม และพูดจาเลือนลอย หน้าตาซีดเซียวราวกับพวกเขาถูกสูบพลังชีวิตไปช้าๆ สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุดก็คือ มีข่าวลือว่า ผีปอบได้กลับมา บางคนบอกว่ามันสิงอยู่ในร่างของใครสักคนในหมู่บ้าน แต่ไม่มีใครสามารถระบุได้แน่ชัดว่าใครคือผู้ที่ถูกผีปอบเข้าสิง

ยายบัว หญิงชราผู้รอบรู้ของหมู่บ้าน เป็นคนเดียวที่รู้วิธีปราบผีปอบ แต่เธอเองก็ไม่กล้าออกมาพูดให้ชัดเจนเพราะเกรงว่าอาจจะทำให้ทุกคนหวาดกลัวไปยิ่งกว่านี้ ยายบัวรู้ว่า ต้องมีการทำพิธีเพื่อเปิดเผยตัวผีปอบ แต่ถ้าพิธีล้มเหลวหรือมีคนขัดขวาง ผีปอบจะโกรธและจะทำร้ายหมู่บ้านให้ย่อยยับไปทั้งหมด

เวลาล่วงเลยไปหลายคืน คนในหมู่บ้านเริ่มหวาดระแวงกันเอง พวกเขาเริ่มมองหน้ากันด้วยสายตาไม่ไว้ใจ หวาดกลัวว่าเพื่อนบ้านหรือแม้กระทั่งคนในครอบครัวอาจจะเป็นผู้ที่ถูกผีปอบสิง ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน เสียงหมาหอนในยามดึกดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศยิ่งน่าขนลุก

คืนหนึ่ง ยายบัวตัดสินใจเรียกประชุมคนในหมู่บ้านและประกาศว่า จะทำพิธีลับในคืนวันพรุ่งนี้ เพื่อเปิดเผยตัวผีปอบ ทุกคนต้องเข้าร่วม ถ้าใครขัดขืนหรือไม่ยอมมา อาจจะถูกสงสัยว่าเป็นผีปอบเสียเอง

คืนแห่งพิธีมาถึง ทุกคนรวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้าน ยายบัวจุดไฟเผาเครื่องเซ่น และเริ่มสวดมนต์ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเปิดเผยตัวผีปอบ ความเงียบที่ปกคลุมทุกอย่างนั้นน่าหวาดกลัว แสงไฟวูบไหวท่ามกลางความมืด แต่แล้วท่ามกลางความเงียบ มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เสียงนั้นเยือกเย็นและน่าสะพรึงกลัว

ยายบัวหยุดสวด และหันไปมอง... หนึ่งในชาวบ้านที่อยู่ในกลุ่มคือ นายเที่ยง ชายหนุ่มที่เคยแข็งแรงและสดใส แต่ช่วงหลังเขากลับดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ดวงตาของเขาดูเลือนลอยและผิดปกติ

"มันอยู่ในตัวเขา" ยายบัวพูดเสียงแผ่วเบา ก่อนที่เสียงหัวเราะของนายเที่ยงจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องแหลม พร้อมกับร่างของเขาที่เริ่มบิดเบี้ยว ผีปอบได้เผยตัวแล้ว

ทุกคนในหมู่บ้านต่างตื่นตระหนก แต่ยายบัวไม่รอช้า เธอรีบทำพิธีต่อเพื่อขับไล่ผีปอบออกจากร่างนายเที่ยง ควันจากเครื่องเซ่นลอยคลุมไปทั่ว และเสียงสวดมนต์ของยายบัวเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ผีปอบที่อยู่ในร่างนายเที่ยงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด มันพยายามดิ้นรนหนีออกจากร่าง แต่มันไม่สามารถต้านทานพลังจากพิธีนี้ได้

ในที่สุด ผีปอบก็ถูกขับออกไป และร่างของนายเที่ยงก็กลับมาเป็นปกติ แม้ว่าจะอ่อนแรงและไร้สติไปชั่วขณะ แต่เขายังมีชีวิตอยู่

ชาวบ้านถอนหายใจโล่งอก แม้ว่าผีปอบจะถูกขับไล่ไปแล้ว แต่พวกเขารู้ดีว่ามันอาจจะกลับมาอีก และถ้าไม่ระวัง มันอาจจะหวนกลับมาสู่ร่างของใครสักคนในหมู่บ้านได้ทุกเมื่อ หมู่บ้านเงียบสงบยังคงเงียบสงบต่อไป แต่บรรยากาศที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง

Post a Comment

0 Comments