กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในป่าลึกทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีเผ่าพันธุ์ลึกลับที่รู้จักกันในนาม "กองกอย" ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีขาแต่กระโดดด้วยขาข้างเดียว ความเชื่อเกี่ยวกับกองกอยเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวบ้านใกล้พื้นที่ป่าลึก พวกเขาเชื่อว่ากองกอยเป็นวิญญาณผู้เฝ้าดูแลป่า คอยปกป้องป่าจากผู้ที่เข้ามาทำร้ายธรรมชาติ
คืนหนึ่ง มีกลุ่มนายพราน 5 คนตัดสินใจเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อหาอาหารและทรัพย์สิน พวกเขาเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับกองกอยแต่ไม่เคยเชื่อ จึงไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมในการเผชิญหน้ากับสิ่งลี้ลับ กลุ่มนายพรานเดินลึกเข้าไปในป่าจนถึงพื้นที่ที่ไม่เคยมีใครกล้าเข้าไปมาก่อน และในยามค่ำคืน ขณะที่พวกเขานั่งรอบกองไฟ มีเสียงก้องกังวานดังก้องมาจากลำธารใกล้ๆ เป็นเสียงคล้ายกับเสียงนกหวีดแต่มีความแหลมคมกว่า
นายพรานคนหนึ่งลุกขึ้นไปตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบสิ่งใด กลับมานั่งข้างกองไฟเหมือนเดิม เวลาผ่านไป เสียงนั้นกลับดังขึ้นอีก แต่คราวนี้เสียงฟังชัดเจนยิ่งกว่าเดิม "กอย... กอย..." เสียงดังก้องไปทั่วป่า เหล่านายพรานเริ่มรู้สึกหวาดกลัว
ทันใดนั้น เงาร่างเล็กกระโดดไปมาอยู่บริเวณชายป่าข้างกองไฟ มันคือ "กองกอย" ที่ชาวบ้านเล่าขาน ร่างกายของมันดูบิดเบี้ยว ขากระโดดเดียวของมันเหยียบย่ำพื้นดินไปมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของมันเป็นประกายสีแดงวาววับในความมืด
กองกอยเริ่มไล่ตามนายพรานทีละคน คนหนึ่งวิ่งหลบหนีแต่ล้มลงบนดิน และเมื่อเขาหันกลับไปมอง กองกอยใช้เล็บยาวและแหลมคมของมันแทงทะลุลงไปที่ลำคอ เสียงกรีดร้องดังสะท้อนกลับไปทั่วป่า นายพรานที่เหลือพยายามหนีออกจากป่าให้เร็วที่สุด แต่เสียง "กอย... กอย..." ยังคงตามมาติดๆ เหมือนเสียงเรียกตายจากกองกอย
ในที่สุด เหลือนายพรานเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต เขาหลงทางและหมดสติไป จนกระทั่งเช้าถึงชาวบ้านพบเขานอนหมดสติอยู่ที่ขอบป่า เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาเล่าเรื่องราวสยองขวัญเกี่ยวกับกองกอยให้ทุกคนฟัง ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่นั้นไม่มีใครกล้าเข้าไปในป่าอีกต่อไป
ว่ากันว่ากองกอยยังคงเฝ้าป่าอยู่จนถึงทุกวันนี้ คอยปกป้องธรรมชาติจากผู้บุกรุก ผู้ใดก็ตามที่กล้าล่วงล้ำเข้าไป จะได้ยินเสียง "กอย... กอย..." เป็นสัญญาณเตือนถึงชะตากรรมที่ไม่มีวันหวนกลับ
0 Comments